ผักกาดหัว
ผักกาดหัว หรือชื่ออื่น ๆ เช่น หัวผักกาด, หัวไช้เท้า หรือ หัวไชเท้า) เป็นผักที่หลายประเทศนำมาทำอาหาร
อย่างอาหารญี่ปุ่นก็นิยมนำหัวไช้เท้าดิบมาขูดฝอยลงในซีอิ๊ว ใช้เป็นน้ำจิ้ม
เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยกระตุ้นน้ำย่อย หรืออย่างชาวจีนก็นำมาแปรรูปเป็นหัวไช้โป๊ไว้ทานตลอดปี
ทางด้านวงการแพทย์แผนจีนมองว่า หัวไช้เท้าอยู่ในกลุ่มหยาง (yang) คือเป็นอาหารร้อน ไม่ควรทานเวลามีไข้
ส่วนในตำรายาพื้นบ้านอินเดียแนะว่า เมื่อทานแล้วจะช่วยให้นอนหลับรวมถึงแก้โรคประสาท
การเเปรรูปผักกาดหัว
><หัวไชโป้ว><
หัวไชโป้ว(Pickle
turnip) หรือ
หัวไชเท้าดองเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมรับประทานกันมา
ทั้งยังสามารถเก็บไว้บริโภคได้นานทั้งปี หัวไชเท้าดองมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ หัวไชโป้วดองเค็ม และ หัวไชโป้วหวาน
อาหารที่นิยมใช้หัวไชโป๊วมาเป็นส่วนประกอบได้แก่
หัวไชโป๊วดองเค็มผัดกับไข่ ไข่เจียวไชโป๊ว และในหน้าร้อนคนไทยนิยมรับประทานข้าวแช่
ซึ่งก็มีหัวไชโป๊วผัดหวานเป็นเครื่องเคียงด้วยเช่นกัน
หัวไชโป๊ว มีสรรพคุณ ล้างพิษ ขับพิษในร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร
แถมยังช่วยให้นอนหลับง่ายอีกด้วย
ผักกาดหัวหรือหัวไชเท้า (Raphanus sativus Linn) เป็นพืชพื้นเมือง
ของเอเชีย นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย เนื่องจากเป็นพืชที่ ปลูกง่าย
เติบโตเร็ว แต่มีข้อเสียว่า เมื่อถึงกำหนดเก็บเกี่ยวแล้วจะต้องถอน หัวขึ้นมาทันที
เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้หัวฟ่าม ขายได้ราคาต่ำ เหตุนี้จึง
ทำให้เกษตรกรต้องรีบขายหัวผักกาดนี้ไปโดยเร็ว ถึงแม้จะได้ราคาน้อย ก็ตาม
การแปรรูปผักกาดหัวให้เป็นผักกาดเค็ม ผักกาดดองหวานที่เรียกว่า
หัวไชโป๊ว เป็นวิธีถนอมอาหารอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรไม่จำเป็นต้องรีบ
ขายหัวผักกาดสดให้แก่พ่อค้าไปในราคาถูก หัวผักกาดเค็มเป็นอาหารอีก
ชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมรับประทานกันมาก และยังสามารถเก็บไว้บริโภคได้
ทั้งปีหลังจากที่เหลือจากการจำหน่ายแล้ว
อุปกรณ์และวิธีทำ
วัตถุดิบ
1. หัวผักกาด
หัวผักกาดที่เหมาะในการทำหัวผักกาดเค็ม ควรจะ เป็นหัวผักกาดที่ยังใหม่ อ่อนและสด
ควรเป็นพันธุ์หนักเพราะเป็นพันธุ์ที่มี เนื้อแน่น
เมื่อแปรรูปแล้วจะได้หัวไชโป๊วที่มีลักษณะตรงกับความต้องการของ ตลาด
เก็บเกี่ยวในช่วงอายุระหว่าง 42-48 วัน หลังปลูก
2. เกลือ
3. น้ำสะอาด
อุปกรณ์
1. มีด
2. ภาชนะ เช่น ไห อ่างหรือขวด
สำหรับบรรจุหัวผักกาดเค็ม
3. กระด้ง
4. ถุงผ้า
วิธีทำ
ก. การทำหัวผักกาดเค็ม
1. นำหัวผักกาดมาตัดขั้วหัวท้ายออก
ล้างดินออกให้ สะอาด
2. เมื่อสะเด็ดน้ำแล้วนำไปผึ่งแดดนาน
6-8 ชั่วโมง
3. นำหัวผักกาดมาคลึงกับเกลือบนตะแกรงหรือกระด้งพอ
ผิวช้ำอมเกลือทั่ว
4. หมักหัวผักกาดลงใส่อ่างทิ้งไว้
1 คืน รุ่งขึ้นจึงโรยเกลือ ให้ทั่วแล้วนำไปผึ่งแดดตลอดวัน
5. ตอนเย็นเก็บใส่ถุงผ้าหนา ๆ
หรือกระสอบ ทับด้วยของ หนัก ๆ ให้น้ำตก
6. รุ่งเช้านำไปผึ่งแดดอีกครั้งหนึ่ง
ทำซ้ำ ๆ จนหัวผักกาดมี สีคล้ำจึงหยุดไม่ใส่เกลือและน้ำ เพียงแต่ผึ่งแดด ต่อไปจนเป็นสีน้ำตาลแก่ ใช้ระยะเวลาประมาณ 7
วัน
7. นำหัวผักกาดที่ได้นี้บรรจุใส่ไหหรือขวดที่นึ่งแล้ว
ปิดฝา อัดแน่นให้เรียบร้อย
ถ้าชอบให้มีรสหวานให้ใส่น้ำตาลปี๊บและใส่น้ำพอสมควรนำลงเคล้าผสมด้วย
หลังจากเก็บไว้ 7 วัน สามารถนำมาบริโภค
หรือเก็บไว้บริโภคได้ทั้งปี
ข. การทำหัวผักกาดดองหวาน
1. นำหัวผักกาดที่ทำเค็มแล้วอย่างชนิดหัวเล็กมาแช่น้ำสาร
ส้มประมาณ 2 ชั่วโมง
2. เตรียมน้ำเชื่อม
อัตราส่วนน้ำเชื่อม 1 ส่วนต่อผักกาดหัว สองส่วน
น้ำเชื่อมนี้ควรใส่ใบเตยหรือน้ำกาแฟเล็กน้อย
3. นำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำแล้วใส่ไห
4. ใส่น้ำเชื่อมที่ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วลงไปในไหจนท่วมหัว
ผักกาด แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 วัน
5. นำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
แล้วบรรจุถุงจำหน่ายหรือไว้ใช้ รับประทานต่อไป
ค. การทำหัวผักกาดแก้ว
1. ล้างหัวผักกาดให้สะอาด
ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นยาวพอ ประมาณ
2. แช่น้ำปูนใสประมาณ 1 ชั่วโมง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ เคล้า เกลือให้ทั่วแล้วหมักไว้นาน 2 ชั่วโมง นำใส่ถุงผ้าหาของหนัก ๆ ทับให้น้ำตก
3. วันรุ่งขึ้นใส่ตะแกรงผึ่งแดดพอหมาด
ๆ แดดเดียวก็พอ
4. ต้มน้ำปลา 1 ขวด กับน้ำตาลทราย 12 ช้อนโต๊ะเคี่ยว ให้เดือด
ทิ้งไว้จนเย็น
5. นำน้ำปรุงรสนี้เทใส่ลงบนหัวผักกาดผึ่งแดดที่ได้จัดเรียง
ไว้ในภาชนะจนท่วม
6. อุ่นน้ำปรุงรสทุกวัน
ทิ้งไว้จนเย็นแล้วจึงนำหัวผักกาดแช่ ลงไปใหม่ ทำเช่นนี้ทุกวันจนครบ 15 วัน จึงนำมารับประทานได้
การที่อุ่นน้ำปรุงรสทุกวันเพื่อป้องกันการบูดเน่า
การแปรรูปหัวผักกาดนี้นับว่าเป็นประโยชน์กับเกษตรกรอย่างมาก ทำให้เกษตรกรไม่จำต้อง
รีบขายผักกาดหัวให้แก่พ่อค้าคนกลางในราคาที่ไม่เป็นธรรมอีกต่อไป
ผลิตภัณฑ์จากหัวไชโป๊ว
><ไชโป๊วผัดหวานไข่><
ส่วนประกอบ
หัวไชโป๊วหวานหั่นเป็นเส้น 100 กรัม
ไข่ 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
กระเทียมบุบ หรือหอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางจนร้อน
ใส่กระเทียมหรือหัวหอมแดงลงไปเจียวให้หอม
ใส่ไชโป๊วลงไปผัดให้เข้ากัน พอให้เส้นไชโป๊วสุกพอง
ปรุงรสด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ ตามด้วยน้ำตาลทราย โดยค่อยๆ ใส่
ชิมดูให้ได้รสชาติตามต้องการ
จากนั้นใส่ไข่ลงไปตรงกลาง พอสุกกลับไข่อีกด้าน
(ไข่ขาวไข่แดงไม่ถึงกับรวมเป็นเนื้อเดียวกัน)
แล้วผัดกลับไปกลับมาจนไข่สุก จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้
หมายเหตุ
ไชโป๊วที่นำมาผัดควรชิมรสชาติก่อนว่าหวานเค็มมากน้อยแค่ไหน
เพราะแต่ละยี่ห้อรสชาติจะไม่เหมือนกัน ถ้าเค็มมากให้ล้างน้ำสัก 1 ครั้งบีบน้ำออกให้แห้ง และชิมดูว่ารสชาติหวาน เค็มมากน้อยแค่ไหน
เผื่อตอนปรุงจะได้ไม่จัดเกินไป
ที่มา
-http://pakamat3654.wordpress.com/12-
-http://www.knorr.co.th/recipes/detail/11204/1/-
-http://paicooker.blogspot.com/2013/11/blog-post_14.html
-http://www.youtube.com/watch?v=pOsKTqv8JWI